กลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) คือ แผนงานหรือชุดของแนวทางที่องค์กรจะใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ระยะยาว โดยมีการพิจารณาถึงทรัพยากรที่มี, สภาพแวดล้อมภายนอก, และการแข่งขันในตลาด กลยุทธ์ทางธุรกิจมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีจุดเน้นและวิธีการที่แตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งอาจรวมถึงการเลือกตลาดเป้าหมาย, การกำหนดตำแหน่งสินค้าหรือบริการ, การพัฒนาสินค้าใหม่, การปรับปรุงกระบวนการผลิต, การวางแผนทางการเงิน, และการใช้เทคโนโลยีในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

ปัจจัยในการเลือกปรับ กลยุทธ์ทางธุรกิจ

วัตถุประสงค์ขององค์กร : สิ่งที่องค์กรต้องการบรรลุ เช่น การเติบโต, การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด, หรือความยั่งยืน 

ทรัพยากรที่มี : ทั้งทรัพยากรทางการเงิน, บุคคล, เทคโนโลยี, และอื่นๆ 

สภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน : การวิเคราะห์คู่แข่งและการวางตำแหน่งของตัวเองในตลาด 

แนวโน้มตลาดและความต้องการของลูกค้า : การตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า 

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี : การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบ กลยุทธ์ทางธุรกิจสามารถเป็นระดับต่างๆ ตั้งแต่กลยุทธ์ระดับองค์กร (Corporate Strategy), กลยุทธ์ระดับธุรกิจ (Business Unit Strategy), ไปจนถึงกลยุทธ์ระดับการดำเนินงาน (Operational Strategy) ทุกระดับกลยุทธ์นี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนกันและกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวขององค์กร. อาทิเช่น
– กลยุทธ์เชิงรุก (Offensive Strategies) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจ เข้าสู่ตลาดใหม่ หรือเพิ่มส่วนแบ่งของการตลาด
– กลยุทธ์เชิงรับ (Defensive Strategies) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม รักษาส่วนแบ่งในตลาด และเน้นกิจกรรภายในที่สามารถลดต้นทุนขององค์กรได้
– กลยุทธ์แบบผสมผสาน (Combination Strategies) เป็นกลยุทธ์ที่ผสมผสานระหว่างกลยุทธ์เชิงรุกและเชิงรับ
– กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างสินค้าหรือบริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง และสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวกเร็ว
– กลยุทธ์ต้นทุนต่ำ (Low-Cost Strategy) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการลดต้นทุนในสายการผลิต เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
– กลยุทธ์การมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ (Focus Strategy) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สินค้าแฟชั่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ และ เครื่องมือช่าง เป็นต้น  

ปัจจัยเสี่ยงในปัจจุบันที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ  

 การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่องค์กรต้องคำนึงถึง เพื่อให้สามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิผลและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้รวมถึง   

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Technological Advancements)ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีมากขึ้น กลายเป็ฯความท้าทายใหม่และสามารถเข้ามาทดแทน ขั้นตอนหรือกระบวนการต่างๆขององค์กรได้ ซึ่งอาจทำให้กระบวนการต่างๆที่ธุรกิจใช้ในปัจจุบันกลายเป็นนสิ่งล้าสมัย ซึ่งหากองค์กรต้องการลดความเสี่ยงและผลกระทบจาก เทคโนโลยี องค์กรต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการในการทำงาน โดยต้องมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาปรับใช้มากขึ้น รวมถึงต้องคอยติดตามประเมิณผลของกิจกรรมต่างๆหลังใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมทำงานว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่  

การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ  (Law and Regulation) อาทิเช่น กฎหมายที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคล PDPA (Personal Data Protection Act) ที่มีผลต่อการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆเช่น ภาพถ่าย และ VDO ที่จะต้องใช้งานผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ซึ่งองค์กรจะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและค่าปรับที่อาจะเกิดขึ้นได้   

 ความสัมพันธ์ (Connection) การขาดการเชื่อมต่อหรือรักษาความสัมพันธที่ดีกับ คู่ค้าและลูกค้าอาจเป็นอุปสรรค์สำคัญในการขยายธุรกิจและในกลุ่มแวดวงธุรกิจอื่นๆ อาจส่งผลถึงโอกาสในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งองค์รจะต้องปรับตัวในการ สร้างและบำรุงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและคู่ค้าผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเข้าร่วมงานอีเวนต์อุตสาหกรรม และการสร้างโอกาสในการร่วมมือกัน 

ตัวอย่างองค์กรที่กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจผิดพลาด

  1. แบรนด์มือถือยักษ์ใหญ่รายหนึ่ง เคยเป็นผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือระดับโลก แต่การเกิดขึ้นของ Smart Phone ทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งอย่าง Apple และ Samsung และกว่าจะกลับเข้าสู่ตลาดได้ก็สายไปแล้ว
  2. บริษัทผู้ให้บริการร้านเช่า VDO และเคยเป็นผู้นำตลาด แต่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการเข้ามาของ VIDEO Streaming Platform และสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Netflix  
  1. บริษัทผลิตฟีล์มและกล้องถ่ายภาพชื่อดัง เคยเป็นผู้นำตลาดฟิล์มถ่ายรูปของโลก แต่บริษัทเองไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี กล้องถ่ายถาพ DIGITAL และสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับกล้องดิจิทัล แบรนด์ต่างๆอย่าง CANON,NIKON และ SONY 
  2. บริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันรายใหญ่ ที่เคยเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ของอเมริกาและยุโรป ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านยนตรกรรม และสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Tesla

จะเห็นได้ว่าแบรนด์ที่เคยเป็นเจ้าตลาดแต่ไม่มีการปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ ภายใต้ปัจจัยบังคับอย่างการพัฒนาเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบของบริษัท พนักงาน และอาจะทำให้สูญเสียรายได้จนถึงขั้นต้องปิดกิจการซึ่งสาเหตุหลักๆคือ องค์กรไม่มีการปรับตัวให้ทันต่อเทรนของโลก ,ไม่มีการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า ,ขาดการวิเคราะห์คู่แข่ง,ไม่ได้ประเมิณความเสี่ยงและขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจน  

 การรับมือกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ต้องมีการวางแผนที่ครอบคลุมและการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน การมีแผนฉุกเฉิน และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น. 

การใช้บริการ Outsource เข้ามาช่วยในการปรับ กลยุทธ์ทางธุรกิจ  

การใช้บริการ Outsource เข้ามาช่วยในการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจช่วยให้องค์กรสามารถโฟกัสไปที่กิจกรรมหลักของธุรกิจได้มากขึ้น โดยการโอนความรับผิดชอบในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์, งานที่เกี่ยวข้องกับด้าน IT, การจัดการเอกสารภายในบริษัท, การบริหารจัดการรถยนต์, การบริหารพื้นที่สีเขียว และอื่นๆ ไปยังผู้ให้บริการภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาบริหารจัดการแทนองค์กร 

ประโยชน์จากการใช้บริการ Outsource 

1 ช่วยให้สามารถโฟกัสไปที่ธุรกิจหลักได้มากขึ้น: โดยการลดภาระการจัดการงานสนับสนุนที่ไม่ใช่หัวใจหลักของธุรกิจ, องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจหลัก. 

2 ความสามารถในการปรับขนาด: บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดของทรัพยากรได้ตามความต้องการของธุรกิจ, ไม่ว่าจะเป็นการขยายหรือลดขนาด, ทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว. 

3 การโอนความเสี่ยง: การใช้บริการ Outsource ยังช่วยโอนความเสี่ยงบางประเภทไปยังผู้ให้บริการภายนอก, เช่น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์, การลงทุนในเทคโนโลยี, หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย. 

4 การเข้าถึงนวัตกรรม: ผู้ให้บริการ Outsource มักจะมีการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า, ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง. 

ด้วยการใช้กลยุทธ์การ Outsource ที่เหมาะสม, องค์กรสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น, ปรับปรุงการบริหารจัดการ, และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"