หลายปีที่ผ่านมาทุกองค์กรต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค์มากมาย จากภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสงครามในยุโรปและตะวันออกกลาง ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง และ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการฉลอตัวของภาคการผลิตและยังสงผลให้กำลังซื้อของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศลดลง  

การจ้างงานแบบเดิมๆอาจทำให้องค์กรสูญเสีย โอกาสทางธุรกิจ 

ในหลายๆองค์กรยังคงใช้วิธีการจ้างงานในรูปแบบเดิมที่ เน้นให้พนักงานทำงานแบบมีหน้าที่ตายตัว ต้องทำงานในสถานที่ที่กำหนด และ จำกัดระยะเวลาในการทำงานเช่น กำหนดเวลาในการเข้าออกงานคือ 8.30 -17.30 น. เป็นเวลา 5-6 วันต่อสัปดาห์ และมีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด ขาดความยืดหยุ่น ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งรูปแบบการจ้างงานแบบนี้กำลังล้าสมัย และทำให้องค์กรสูญเสีย โอกาสทางธุรกิจ  ไม่ว่าจะเป็น 

การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบันรูปแบบการจ้างงานแบบเดิมๆ จะมีต้นทุนการดำเนินงานที่มากขึ้น เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้ใจจ่ายในการฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานระยะยาว องค์กรที่ต้องการลดต้นทุน จำเป็นต้องพิจารณารูปแบบการจ้างงานที่หลากหลายและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานแบบโปรเจคในตำแหน่ง IT support หรือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ด้วยบริการ Outsource สามารถช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากการจ้างงานแบบพนักงานประจำ และ ลดภาระในการจัดการและฝึกอบรมพนักงาน และช่วยให้องค์กรได้โยกย้ายทรัพยากรที่จำเป็นไปยังกิจกรรมหลักได้อย่างเต็มที่ 

การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคมมากขึ้น รูปแบบการจ้างงานที่ไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน พนักงานที่ทำงานในกรอบที่กำหนด ไม่มีโอกาสได้พัฒนา รู้สึกเบื่อหน่าย ทำงานด้วยความเครียด และก่อให้เกิดพฤติกรรม Toxic ซึ่งส่งผลไม่ดีต่อการพัฒนาองค์กร องค์กรที่ต้องการพัฒนาขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน จำเป็นต้อง ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมกับเป้าหมายขององค์กร สร้างความท้าทายและส่งเสริมให้มีความสุขกับการทำงาน

ความสามารถในการดึงดูดและรักษาคนเก่ง

รูปแบบการจ้างงานแบบเดิมๆ ดึงดูดคนเก่งได้ยาก เพราะรูปแบบการทำงานไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความยืดหยุ่นในการทำงาน โอกาสในการพัฒนาศักยภาพ และความสมดุลระหว่างงานกับชีวิต ซึ่งการที่มีพนักงานที่เห่งและมีประสิทธิภาพสูงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาองค์กร องค์กรที่ต้องการดึงดูดและรักษาคนเก่งเอาไว้ จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และเสนอรูปแบบการจ้างงานที่ยืดหยุ่นหลากหลายและเหมาะสมกับตำแหน่งงาน เช่น ปรับเวลาการเข้าออกงานให้ยืดหยุ่น สงเสริมการทำงานแบบ ทำ 4 หยุด 3 และ การทำงานแบบ Work From Home ให้มากขึ้น 

ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง

องค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องพร้อมสำหรับการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เพราะการทำงานในกรอบเดิมๆที่กำหนดให้พนักงานทำงานใน Office ที่เดียว จะขาดความคล่องตัวในการทำงาน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเช่น น้ำท่วมใหญ่ หรือ ไฟไหม้โรงงานสารเคมีในพื้นที่ใกล้เคียง อาจมีการปิดกั้นพื้นที่เป็นระยะเวลานาน ทำให้พนักงานไม่สามารถเข้าทำงานที่ Office ได้ ส่งผลให้การทำงานหยุดชะงัก และจะขาดความต่อเนื่องในการทำงาน องค์กรที่ต้องการปรับตัว จำเป็นต้องมีรูปแบบการจ้างงานที่ยืดหยุ่น พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถปรับเปลี่ยนทักษะให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจในเวลาฉุกเฉินได้ 

ความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ

นวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการ โอกาสทางธุรกิจ รูปแบบการจ้างงานแบบเดิมๆ จะจำกัดความสามารถในการสร้างสรรค์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆในการทำงาน เพราะพนักงานที่ทำงานตามหน้าที่ ไม่มีโอกาสได้คิดนอกกรอบ หรือออกแบบวิธีการทำงานใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา หรือ มีข้อจำกัดมากมายในการทดลองแนวทางใหม่ๆองค์กรที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรม จำเป็นต้องมีแนวทางและส่งเสริมให้พนักงานคิดสร้างสรรค์ ทำงานเป็นทีม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผ่านการอบรมหรือ ผ่านกิจกรรมกลุ่มต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นต้นทุนที่สูงทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายซึ่งองค์กรจำเป็นต้องแบกรับหากต้องการปรับเปลี่ยนให้ทันตามยุคสมัย 

องค์กรที่ต้องการเติบโตและหาโอกาสใหม่ๆในการทำธุรกิจ จำเป็นต้องปรับรูปแบบการจ้างงานให้สอดคล้องกับยุคสมัย รูปแบบการจ้างงานแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในปัจุจุบันได้แก่ การจ้างงานแบบอิสระ หรือ Freelance การจ้างงานแบบชั่วคราวหรือ Project และการ ใช้บริการ Outsourcing Service ในการวางกลยุทธ์วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรดึงดูดคนเก่งและมีความสามารถให้เข้ามาสู่องค์กร เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุค Digital Distribution  

 

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ โอกาสทางธุรกิจ ในปัจจุบัน 

ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในทุกขนาด  และ ทุกอุตสาหกรรม ซึ่งองค์กรที่มีความสามารถในการปรับตัวและเอาชนะอุปสรรคได้ จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จขององค์กรในอนาคต อุปสรรคหลักที่องค์กรต้องเผชิญ ได้แก่  

  1. เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยต่างๆ เช่น สงครามในยูเครน  วิกฤตพลังงาน  และภาวะเงินเฟ้อ  ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค  การลงทุน  และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  องค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ  และปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ 
  1. การขาดแคลนแรงงาน หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนแรงงาน ประสิทธิภาพการผลิต และความสามารถในการแข่งขันขององค์กร  หลายองค์กรจึงต้องหาวิธีดึงดูดแรงงานที่มีความสามารถ รักษา และพัฒนาทักษะของพนักงานให้พร้อมตอบสนองทุกความเปลี่ยนแปลงที่มาถึง
  2. การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในการหยุดชะงักจากปัจจัยต่างๆ เช่น โควิด-19  สงครามในยูเครน  และภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อการจัดส่งสินค้าที่ไม่ตรงตามเวลา ต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น  และความพร้อมใช้งานของสินค้าประเภทต่างๆ องค์กรต้องหาแนวทางจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น และรับมือกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้น 
  3. ปัจจัยภายนอกที่ควบควบคุมไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธุรกิจในหลายๆด้าน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไฟป่า ภัยแล้ง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ  องค์กรต้องปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจเพื่อให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ให้สอบคล้องกับนโยบาย ESG ที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องออกแบบกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 
  1. การแข่งขันในตลาดที่รุนแรง การแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น  จากการเข้าสู่ตลาดของคู่แข่งรายใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป องค์กรต้องพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันที่ครอบคลุมทุกความต้องการและนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า  

 

Outsource ช่วยให้เข้าถึง โอกาสทางธุรกิจ ได้ง่ายขึ้น  

บริการ Outsource หรือ การจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาทำงานแทนเป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญในการช่วยให้องค์กรเข้าถึง โอกาสทางธุรกิจ ได้ในหลายๆด้านทั้งในปัจจุบันและอนาคตอาทิเช่น  

  1. เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน : บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดทีมได้ตามความต้องการ ตามปริมาณงาน สภาวะเศรษฐกิจ หรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การจ้างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เมื่อมีโปรเจกต์ใหม่หรือต้องการขยายตลาดไปยังส่วนอื่นๆ เพิ่มทีมขายรายย่อยตามห้างสรรพสินค้าหรือพื้นที่ที่ต้องการในช่วยระยะเวลาสั้น  
  2. ช่วยบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ : การเลือกใช้บริการ Outsource ในบางส่วนของธุรกิจ เช่น IT support หรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ สามารถช่วยลดต้นทุนที่เกิดจาก ขั้นตอน Recruitment Process เช่น การสรรหา คัดเลือกผู้ที่ตรงตามความต้องการ การตรวจสอบประวัติ และ ลดภาระในการจัดการและฝึกอบรมพนักงาน รวมไปถึงต้นทุนแฝงต่างๆ
  3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน : บริษัท Outsource ที่มีการพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโนโลยีใหม่ๆ ในการทำงานจะช่วยให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นด้วยการเข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยไม่ต้องลงทุนวิจัยและพัฒนาด้วยตัวเอง 
  4. ช่วยบริหารความเสี่ยง : การเลือกใช้ Outsource เป็นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจจะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงในด้านต่างๆได้ เช่น การใช้ศูนย์ข้อมูลภายนอกสำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์และเป็นการป้องกันการสูญหายของข้อมูลได้อย่ามีประสิทธิภาพ มากกว่าการบริหารจัดการด้วยตัวเอง ที่องค์กรต้องแบกรับทั้งคต้นทุนในการจัดการและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 
  5. เข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ : การใช้บริการ Outsource จะช่วยให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ๆ มาใช้ในองค์กรได้เร็วกว่าการพัฒนาภายในองค์กรเอง ช่วยให้องค์กรเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
  6. เข้าถึงความเชี่ยวชาญที่มากกว่า : บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญที่ไม่มีในองค์กรได้ โดยองค์กรไม่จำเป็นต้องทำการจ้างผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นให้เป็นพนักงานประจำขององค์กรเอง นอกจากจะทำให้ได้พนักงานที่มีความสามารถตรงตามความต้องการแล้วยังช่วยให้องค์กรวางแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
  7. พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว : การเลือกใช้บริการ Outsource เข้ามาเป็นส่วนหนึงในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนแผนการดำพเนินงาน ขนาดขององค์กร และ การเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วมากยิ่งขึ้น 

การจ้างงานแบบเดิมๆอาจะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ สำหรับองค์กรที่ต้องการโอกาสใหม่ๆในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งการเลือกใช้ บริการ outsource เข้ามาช่วยกำหนดกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ อาจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนและขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมไปถึงช่วยตอบสนองต่อความท้าทายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตและแข่งขันได้ดีขึ้นในอนาคต

siamrajathanee-so

SO ผู้นำด้านธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบครบวงจร หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำ Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทาง SO ยังมีการเพิ่มศัพยภาพที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดนิ่งด้วยการที่มีพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ครอบคุลมและพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ

Service 4 Level สำหรับทุกธุรกิจลูกค้า
1. Workforce Outsource บริการด้านบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่การสรรหา การบริหารกำลังคน ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเรื่อง Payroll ครบทั้งกระบวนการ ปัจจุบัน SO บริหารบุคลากรกว่า 10,000 อัตรา ทั้งหน่วยงานราชการ และเอกชนกว่า 450 หน่วยงาน ทั่วประเทศ
2. Business Process Outsource (BPO) พัฒนาออกแบบ และบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านแรงงาน และเทคโนโลยี เพื่อการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่เหนือคู่แข่งของลูกค้า
3. Specialized Outsource บริการผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น “รุกขกร” งานด้านตัดแต่งต้นไม้ และดูแลภูมิทัศน์ขนาดใหญ่, งานด้านการกำจัดของเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, การจัดหารรถพร้อมดัดแปลง และจดประกอบสำหรับงาน Logistic
4. IT Outsource & Platform บริการด้านการจัดหาบุคลากรด้าน IT และเทคโนโลยีผัจจุบัน เพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน เช่น เทคโนโลยี RPA, AI, OCR ฯลฯ พร้อมกับระบบที่ทาง SO พัฒนาขึ้น เช่น Digital Signature, ระบบ Time Attendance และระบบ Business Process Management (BPM)
 
จาก 4 Resource ของ SO ซึ่งเป็นส่วนหลักในการเติมเต็มให้กับ Service ทั้ง 4 Level
1.SO People ทรัพยากรด้ารบุคลากร มีความชำนาญด้านการสรรหา และคัดสรร พร้อมทั้งการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทุกท่าน ก่อนการจัดส่งให้บริการลูกค้า
2.SO Wheel จัดหารถเช่าทั่วไป และรถ EV ทุกประเภท พร้อมทั้งบริการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับธุรกิจลูกค้าตามต้องการ
3.SO Green ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการภูมทัศน์ หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งการออกแบบ การดูแลต้นไม้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดในพื้นที่
4. SO Next บริหารจัดการข้อมูล หรือเอกสารจำนวนมาก และออกแบบกระบวนการทำงานให้กับธุรกิจลูกค้า ด้วย Lean & Digitize เพื่อการ Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป้าหมายของ SO คือการเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า โดยการมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายสำหรับการดำเนินธุรกิจ ด้วยบริการ Outsource แบบผสานงานด้านบุคลากร และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน  เรียกว่า Tech-Enabled Outsourcing Solution เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน พร้อมนำเสนอวิธีการในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับทุกธุรกิจ

การเอาท์ซอร์สช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดธุรกิจตามสถานการณ์ ถ่ายโอนความเสี่ยงต่างๆ ให้ SO จัดการ พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำหน้าคู่แข่ง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ตามแนวคิด "Unlock Possibilities, SO Here We Are"